top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนChamp Chuthakorn

จัดงานแต่งด้วยตัวเอง

#PropToGo #จัดงานแต่งเอง

ในครั้งหนึ่งของชีวิตคู่รัก เมื่อความรักนั้นถึงจุดที่เราคิดว่าควรจะใช้ชีวิตคู่กันแล้ว ย่อมเริ่มต้นด้วยการแต่งงาน ไม่ว่าจะเป็นงานเล็ก หรืองานใหญ่ ซึ่งเราควรจะใส่ใจในทุกรายละเอียด เพราะถือว่าเราจัดแค่ครั้งเดียวในชีวิต ซึ่งหากคู่รักคู่ไหนกำลังจะจัดงานแต่ง และไม่อยากใช้บริการ Wedding planer แล้วไม่รู้ว่าจะเริ่มจากจุดไหน วันนี้ทาง PropToGo ขอเสนอไอเดีย ให้กับคู่รักมือใหม่ทุกท่าน



1. เริ่มจากการตั้งงบค่าจัดงาน

ในส่วนของงบนั้นถือเป็นปัจจัยแรกๆ ที่เราควรให้ความสนใจ เพราะว่าตัวงบเองจะเกียวโยงไปถึง สถานที่จัดงาน รูปแบบการตกแต่ง อาหาร ของชำร่วย ช่างกล้อง ช่างแต่งหน้า ชุดพิธี และส่วนประกอบอื่นๆ ซึ่งรวมไปถึงแขกที่จะเชิญมาร่วมงานด้วย เพราะถ้าเรามีงบไม่มาก แต่อยากจัดงานใหญ่ ก็อาจจะต้องหากู้ยืมมา ซึ่งอาจจะเป็นปัญหาหลังงานแต่งก็เป็นไปได้ แต่ถ้าเรามีงบอย่างจำกัด แต่เราอยากให้งานออกมาดูดีก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่ต้องวางแผนและทำการบ้าน หลายๆ อย่างเอง เยอะพอสมควร ซึ่งบอกเลยว่าบางสถานที่ กำเงินแสนเดียวไปจัด อาจมีเงินทอนด้วย


2. รูปแบบการจัดงาน และพิธีการ

ในส่วนของรูปแบบนั้นขึ้นกับความชอบของแต่ละคู่ เช่นบางคู่ชอบแนวสวน Rustic บางคู่ชอบแบบไทยๆ หรือบางคู่ชอบแนวหรูหรา หรือว่าบางคู่ชอบ vintage ซึ่งรูปแบบนั้นก็ส่งผลต่อสถานที่ ที่เราจะเลือกเป็นสถานที่จัดงานแต่งของเรานั่นเอง

ในส่วนพิธีการก็ขึ้นกับศาสนาและความเชื่อของแต่ละคู่ หรือตามแต่ผู้ใหญ่ว่าอยากให้เราจัดแบบไหน โดยถ้าเป็นพิธีไทย ก็อาจจัดงานทั้งหมดที่สถานที่จัดงาน โดยมีพิธีสงฆ์ รดน้ำสังข์ในช่วงเช้า และเลี้ยงอาหารแขกช่วงเที่ยงหรือเย็น หรือจัดแยกเป็นงานพิธีเล็กๆ ที่บ้าน แล้วค่อยไปจัดเลี้ยงฉลองที่สถานที่อื่น ช่วงเย็น หรือวันอื่นก็ได้ ซึ่งก็ขึ้นกับความสะดวกของคู่บ่าว สาว หรือแขกที่มาร่วมงาน

3. สถานที่จัดงาน

หลังจากที่เราได้รูปแบบงานแล้ว เราก็เลือกสถานที่กันได้เลย เช่น เราชอบงานแต่งแนว Rustic จัดในสวน เราก็เริ่มจากการ Search หาสถานที่แนวสวนจาก Google ได้เลย หลังจากได้รายชื่อสถานที่แนะนำตามแบบที่ต้องการแล้ว เราก็ทำการนัดวันเพื่อเข้าไปดูสถานที่และรายละเอียดของแต่ละสถานที่ ว่ามีบริการอะไรเพิ่มเติมให้บ้าง ซึ่งขอแนะนำว่าให้ลองหาสถานที่มาซัก 4-5 ที่ เป็นตัวเลือก

โดยบางสถานที่ก็จะมีบริการให้เช่าสถานที่ พร้อมบริการอาหาร การตกแต่ง และจัดการงานพิธีให้ด้วย ซึ่งเมื่อมีทุกอย่างพร้อม ก็ย่อมมากับราคาที่สูงตามไปด้วย และถ้าอยากนำร้านอาหารอื่นเข้ามาจัดแทนก็อาจจะมีบริการเพิ่มเติม ซึ่งต้องดูเงื่อนไขการเช่าดีๆ ด้วย แต่ว่าบางสถานที่ก็อาจจะให้เช่าแค่สถานที่อย่างเดียว ส่วนเรื่องอื่นๆ คู่รักสามารถจัดหาเข้าไปเอง โดยไม่มีค่าบริการใดๆ เพิ่มเติมก็มี


4. อาหาร

ในส่วนของอาหารนั้นก็ถือว่าเป็นส่วนสำคัญของงาน เพราะแขกร่วมงานก็คงคาดหวังว่ารสชาติของอาหารที่เราเลือกมานั้นจะถูกปากพวกเค้าเหมือนกัน โดยในปัจจุบันรูปแบบของการจัดอาหารก็มีหลากหลายรูปแบบ ไม่ได้มีเฉพาะโต๊ะจีนเพียงอย่างเดียว ซึ่งก็ขึ้นกับความชอบของแต่คน

ถ้าเป็นโต๊ะจีน ลักษณะส่วนใหญ่จะจัดเป็นโต๊ะกลม นั่ง 8-10 คนต่อโต๊ะ โดยราคาค่าโต๊ะก็ขึ้นกับชนิดของอาหารที่เราเลือก ซึ่งลักษณะของโต๊ะจีนนั้นจะมีลำดับการเซิร์ฟ โดยเริ่มจากออเดิร์ฟก่อน แล้วต่อด้วยอาหารที่เราเลือกอีกประมาณ 2-3 อย่าง หรือมากกว่านั้นตามเรทราคา แล้วก็ตามด้วยของหวานและผลไม้ตามลำดับ ซึ่งอาหารบนโต๊ะนั้นจะเป็นการทานอาหารร่วมกันกับบุคคลอื่นๆ ที่นั่งโต๊ะเดียวกับเรา ซึ่งบางครั้ง อาจจะไม่ใช่คนที่เราสนิทด้วยก็ได้ โดยการสั่งอาหารแบบโต๊ะจีนมาเลี้ยงก็จะมีจำนวนขั้นต่ำอยู่แต่ถ้าไม่ถึงขั้นต่ำก็อาจจะมีค่าบริการเพิ่มเติม และที่สำคัญคือ เราจะต้องมีพื้นที่สำหรับให้ร้านโต๊ะจีนตั้งครัวทำอาหารสำหรับเซิร์ฟอาหารในงานด้วย แต่อาหารแบบโต๊ะจีนนั้นจะมีโต๊ะเก้าอี้มาบริการให้เราด้วย และส่วนใหญ่ เหล่าผู้ใหญ่มักจะชินกับการจัดเลี้ยงลักษณะนี้

ต่อมาในส่วนของบุฟเฟ่ ลักษณะแบบนี้ทางผู้ให้บริการจะมีเป็นแพคเกจราคาให้เราเลือกขึ้นกับจำนวนอาหารและชนิดของอาหาร ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมีกำหนดขั้นต่ำไว้อยู่ ว่าต้องสั่งอาหารจำนวนกี่ที่ขึ้นไป ซึ่งอาหารแบบบุฟเฟ่นั้น ทางผู้ให้บริการก็จะทำอาหารเป็นชุดสำเร็จรูปพร้อมเซิร์ฟเลยเมื่อถึงเวลาจัดงาน โดยทางผู้ให้บริการก็จะจัดโต๊ะวางรายการอาหารเรียงไว้ อาจจะมี 1 - 2 มุม ขึ้นกับพื้นที่และจำนวนแขก ซึ่งข้อเสียเล็กๆ ของการจัดแบบนี้คือ แขกร่วมงาน ต้องลุกมาตักอาหารเอง แต่ก็จะได้เรื่องของความส่วนตัวที่ไม่ต้องทานอาหารร่วมกับคนอื่นๆ แค่ทานร่วมโต๊ะกันเฉยๆ และอีกเรื่องสำหรับอาหารแบบบุฟเฟ่คือ เราอาจจะต้องจัดหาโต๊ะ เก้าอี้เอง เนื่องจากผู้ให้บริการบางเจ้าอาจจะไม่ได้มีให้นั่นเอง

อีกรูปแบบหนึ่งที่ค่อนข้างนิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่คือแบบค๊อคเทล การจัดอาหารลักษณะนี้จะเป็นการจัดอาหารเป็นแบบพอดีคำ โดยให้แขกหยิบอาหารที่จัดมาเป็นชิ้นเล็ก และมักจะไม่มีที่นั่งหรือมีน้อย แต่จะเน้นให้แขกถือจานและหยิบทานได้เลย ซึ่งผู้ใหญ่อาจจะไม่ค่อยชอบรูปแบบนี้ซักเท่าไหร่

บางครั้งคู่รักอาจจะเลือกจัดผสมเช่น บุฟเฟ่กับค๊อคเทลก็ได้ เพื่อความหลากหลาย หรือหาผู้ให้บริการที่จัดเป็นแบบซุ้มอาหารมาก็ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นกับงบประมาณ และจำนวนแขกที่จะเชิญมาด้วย



5. การตกแต่ง

การตกแต่งก็ถือเป็นส่วนสำคัญของงานที่จะทำให้แขกที่มาร่วมงานจดจำและประทับใจ รวมถึงแขกจะได้มีมุมสวยๆ ไว้ถ่ายรูปเมื่อมาร่วมยินดีกับเรา โดยการตกแต่งก็ขึ้นรูปแบบที่คู่รักอยากได้ว่าจะเน้นความอลังการ หรือความเรียบง่าย เพราะบางสถานที่จัดงานแทบจะไม่ต้งแต่งอะไรเลยก็สวยอยู่แล้ว แต่สุดท้ายก็ขึ้นกับงบที่เราตั้งไว้ด้วย หรือคู่รักบางคู่ก็อาจจะตกแต่งเองก็ได้ ซึ่งก็ได้ยากเกินกว่าความสามารถของคู่บ่าวสาวแน่ๆ


6. ชุดแต่งงาน

สำหรับชุดนั้น ก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญเช่นกัน เพราะจะทำให้คู่รักนั้นโดดเด่นและเป็นที่จดจำ แม้งานจะจบไปแล้ว โดยเฉพาะเจ้าสาวของงานนั่นเอง สำหรับชุดที่ใช้ในการนั้นจะมีส่วนของชุดงานพิธีทางศาสนา ซึ่งอาจเป็นชุดไทย หรือชุดแบบจีน ขึ้นกับพิธีการของแต่ละครอบครัว หลังจากนั้นก็จะเป็นชุดสำหรับพิธีงานฉลองสมรส ซึ่งส่วนใหญ่เจ้าสาวมักจะชุดขาวที่มีการตัดเย็บมาเพื่อเจ้าสาวโดยเฉพาะ ส่วนเจ้าบ่าวก็อาจจะใส่เป็นชุดสูทเข้ารูป เมื่อกินเลี้บงงานฉลองเสร็จ คู่รักบางคู่อาจจะมีการเลี้ยง after party ด้วย ซึ่งก็อาจจะต้องเตรียมไว้อีกชุดด้วยเช่นกัน


7. ช่างภาพ

ในส่วนของช่างภาพนั้นเราสามารถหาช่างได้ตามโซเชียลมีเดีย หรือตาม wedding studio ที่บางครั้งเราอาจจะไปถ่ายรูป Pre-wedding มาก็ได้ โดยเราสามารถดูแนวการถ่ายภาพจากรูปงานเก่าๆ ของบ่าวสาวคู่อื่น ที่ช่างแต่ละทีมนั้นถ่ายมา ซึ่งควรเลือกมาให้ดีเพราะงานแต่งของเราจัดแค่ครั้งเดียวเท่านั้น โดยปกติทีมถ่ายภาพจะมีประมาณ 3-4 คน เป็นช่างกล้อง 2 คน และผู้ช่วยที่คอยจัดไฟ จัดฉากอีก 1-2 คน


8. การ์ดและของชำร่วย

สำหรับส่วนนี้จะเป็นรายละเอียดท้ายๆ ที่เราอาจนึกถึง เพราะว่าเป็นส่วนที่มีรายละเอียดพอสมควร เนื่องจากเราต้องได้กำหนดวัน สถานที่ เวลา รวมถึง ธีมงาน ที่แน่นอน เราถึงสามารถทำการ์ดเชิญออกมาได้ ซึ่งปัจจุบันรูปแบบการ์ดเชิญนั้นมีความหลากหลายเป็นอย่างมาก ขึ้นกับความชอบของแต่ละคู่ หรือเราอาจจะใช้ electronic card ส่งเชิญตาม Social media หรือ e-mail ก็ได้ แต่ถ้าเป็นผู้ใหญ่ก็ควรจะไปเชิญด้วยตัวเองถึงจะเหมาะ

ในส่วนของของชำร่วยนั้น ก็สามารถเลือกของที่เราชอบได้จากร้านที่ให้บริกการด้านนี้ ซึ่งเราสามารถหาได้จากในโลกออนไลน์ อาจจะเป็นของที่เป็นคู่ หรือเป็นของใช้น่ารักๆ หรือ ล๊อตเตอรี่ก็ได้ โดยของชำร่วยจะเว่อวังค์ขนาดไหนก็ขึ้นกับงบประมาณเราด้วย แต่บางครั้งคู่รักบางคู่ อาจจะทำของชำร่วยเองก็ได้ ซึ่งจะทำให้แขกนั้นประทับงานแต่งของเราเพิ่มขึ้นไปอีก



ทั้งหมดนี้ก็เป็นส่วนหลักๆ ของงานแต่งงานที่จะขาดไม่ได้ แต่จริงๆ แล้วยังมีรายละเอียดอีกมากมายที่จะทำให้งานแต่งนั้นออกมาดูดี เช่นเรื่องของวงดนตรี โต๊ะเก้าอี้ในงาน คนรันคิวงาน คนทำพิธีต่างๆ เพื่อเจ้าสาว ถ่าย Pre-wedding ฯลฯ ซึ่งถ้าเราคิดว่าสิ่งเหล่านี้ เรามีเวลาในการเตรียมก็สามารถที่จะทำเองได้ แต่ถ้ามองแล้วไม่ไหว ก็สามารถใช้บริการจากเหล่า wedding planner ที่เค้าเหล่านั้นจะเนรมิตรทุกอย่างที่กล่าวมาให้เราทั้งหมด แค่บอกความต้องการของเราเท่านั้นเอง

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคู่รักมือใหม่ทุกคู่นะครับ ส่วนถ้าหากคู่รักคู่ไหนสนใจงานแต่งในสวน และมองหา โต๊ะไม้ เก้าอี้ไม้ พร้อมการตกแต่ง สไตล์ Rustic ก็สามารถใช้บริการจากเรา PropToGo ได้นะครับ

ดู 42 ครั้ง0 ความคิดเห็น

โพสต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด

Comments


bottom of page